4.แบบจำลองนิวโคลส์
คณะของนิวโคลส์ ได้เขียนหนังสือชื่อ Developlng
a Curriculum : A Practice
Guie²² ได้สร้างวิธีการวงจร ซึ่งครอบคลุมองค์ประกอบของหลักสูตรอย่างย่อๆ
หนังสือนี้เป็นที่นิยมของครูมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศอังกฤษ
ซึ่งมีการพัฒนาหลักสูตรในระดับโรงเรียน
แบบจำลองของนิโคลส์เน้นวิธีการเชิงเหตุผลในการพัฒนาหลักสูตร
โดยเฉาพะอย่างยิ่งความจำเป็นต่อการเปิดหลักสูตรใหม่จากสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปด้วยการสนับสนุนว่าควรมีการวางแผนสำหรับการเปลี่ยนแปลงและนำเข้าสู่เหตุผลและพื้นฐานที่เหมาะสมตามกระบวนการเชิงเหตุผล
นิโคลส์ ได้แก้ไขงานของไทเลอร์
ทาบา และวีลเลอร์ โดยเน้นวงจรธรรมชาติของกระบวนการหลักสูตร และความจำเป็นสำหรับขั้นตอนเบื้องต้นคือ
การวิเคราะห์ สถานการณ์ (Situational
analysis) และยืนยันว่า ก่อนที่จะดำเนินการเกี่ยวกับองค์ประกอบต่างๆ
ในกระบวนการหลักสูตรต้องการพิจารราอย่างจริงจังกับรายละเอียดของบริบทหรือสถานการณ์หลักสูตร
ดังนั้น การวิเคราะห์สถานการคือ
ขั้นตอนเบื้องต้นซึ่งทำให้ผู้พัฒนาหลักสูตรมีความเข้าใจในปัจจัยที่มีผลกระทบต่อหลักสูตรที่กำลังสร้างอยู่
1. การวิเคราะห์สถานการณ์ (situational analysis)
2. การเลือกจุดประสงค์ (selection of objectives)
3. การเลือกและการจัดเนื้อหาวิชา (selection and
organization of content)
4. การเลือกและการจัดการกับวิธีการ (selection and
organization of methods)
5. การประเมินผล (evaluation)
ระยะของการประเมินสถานการณ์เป็นความจงใจที่จะบีบให้ผู้พัฒนาหลักสูตรในโรงเรียนมีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม
และโดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อความต้องการจำเป็นของนักเรียน นิโคลส์ได้สนับสนุนการวางแผนหลักสูตรที่อาศัยการวิเคราะห์ทุกด้านด้วยความรู้และความเข้าใจที่ครอบคลุมกว้างขวาง
จุดเด่นของแบบจำลองวงจร
จุดเด่นของแบบจำลองวงจรมาจากเหตุผล โครงสร้างของขั้นตอนการสร้างหลักสูตรเช่น
แบบจำลองที่เน้นบทบาทของความมุ่งหมายเป้าประสงค์และจุดประสงค์
ต้องการให้ผู้พัฒนาหลักสูตรมีมโนทัศน์เกี่ยวกับงานก่อนลงมือปฏิบัติ
สิ่งเหล่านี้เป็นการส่งเสริมความคิด เชิงเหตุผลที่จะทำให้หลักสูตรมีประสิทธิภาพ
ในการใช้การวิเคราะห์สถานการณ์เป็นจุดเริ่มต้น แบบจำลองวงจรจะให้ข้อมูลพื้นฐานที่ทำให้การกำเนิดจุดประสงค์มีประสิทธิภาพ
และแม้ว่าวีลเลอร์จะไม่กล่าวถึงการวิเคราะห์สถานการณ์อย่างเป็นพิเศษ
แต่ก็มิได้มีการตรวจสอบแหล่งที่มาของความมุ่งหมายและเป้าประสงค์
โดยแท้จริงแล้วจุดประสงค์ไม่ได้ออกมาจากสุญญากาศ แต่มาจากข้อมูลทั้งเชิงคุณภาพและปริมาณ (รวมทั้งสัญชาติญาณด้วย)
ซึ่งได้มาจากการวิเคราะห์สถานการณ์และช่วยให้ผู้พัฒนาหลักสูตรตัดสินใจได้มีประสิทธิภาพ
วิธีการนี้จัดว่าจำเป็นถ้าครูต้องการที่จะเป็นครูที่มีประสิทธิภาพในการใช้
ธรรมชาติของแบบจำลองวงจรคือ องค์ประกอบที่หลากหลายของหลักสูตรมีการเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง
สามารถที่จะจัดการกับสถานการณ์ใหม่ๆ และผลของปฏิสัมพันธ์ในการเปลี่ยนแปลงกรณีแวดล้อม
แบบจำลองจะมีความยืดหยุ่นได้ตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปดังนั้นการเปลี่ยนแปลงในลักษณะเดียวกันก็จะเกิดขึ้นกับองค์ประกอบย่อยของแบบจำลองเช่น
ถ้าโรงเรียนเปลี่ยนแปลงทันที่ทันใดด้วยการไหลบ่าของนักเรียนกลุ่มใหญ่
ผู้ซึ่งมีความแตกต่างไปจากบรรทัดฐานแล้ว สถานการณ์ของหลักสูตรที่มีอยู่ต้องเปลี่ยนแปลง แบบจำลองนี้ยอมให้มีการเปลี่ยนแปลงได้ และความต้องการที่แท้จริงคือการทบทวนสถานการณ์ใหม่ๆ
และเปลี่ยนแปลงขั้นตอนย่อยๆ ในองค์ประกอบอื่นๆ ของหลักสูตร (จุดประสงค์ เนื้อหาวิชา วิธีการและการประเมิน)
แบบจำลองวงจรมีความยืดหยุ่นในการใช้มีความสัมพันธ์กับสถานการณ์ของโรงเรียนและเหมาะกับการพัฒนาหลักสูตรของครู
มีการกำหนดจุกประสงค์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจุดประสงค์เชิงพฤติกรรม
มีความยืดหยุ่นในการพัฒนาแบบจำลองวงจรให้ขอบเขตที่กว้างในการพัฒนาหลักสูตรที่มีประสิทธิภาพของโรงเรียน
จุดด้อยของแบบจำลองวงจร
จุดด้อยของแบบจำลองวงจรเป็นเรื่องที่ยากที่จะกล่าวเพราะว่าวิธีการของกระบวนการหลักสูตรแบบนี้ประสบความสำเร็จโดยผู้พัฒนาหลักสูตร
อย่างไรก็ตามมีความเป็นไปได้สูงที่ผู้พัฒนาหลักสูตรจะเพิกเฉยต่อแบบจำลองวงจร
เพราะว่าเริ่มต้นวิธีการด้วยเหตุผล แบบจำลองเริ่มต้นด้วยการวิเคราะห์สถานการณ์
และดำเนินต่อไปจนครบองค์ประกอบของหลักสูตรด้วยความสำเร็จ
อย่างไรก็ตาม เมื่อวงจรถูกกำหนดขึ้น
เป็นไปได้ว่าต้องกระตุ้นสำหรับการเปลี่ยนแปลงอาจจะเริ่มจากองค์ประกอบใดๆ
ของหลักสูตร เช่น เมื่อหลักสูตรของโรงเรียนอยู่ระหว่างดำเนินการ
ความจำเป็นในการปรับปรุงวงจรอาจเริ่มด้วยการปรับปรุงเนื้อหาใหม่
วิธีการที่แตกต่างกันของการสอนและการเรียนรู้มาจากผลของการประเมิน
หรือการเปลี่ยนแปลงสถานการณ์เนื่องจากผู้เรียนอย่างไรก็ตามตัวกระตุ้นสำหรับการปรับปรุงได้ริเริ่มขึ้นภายในวงจร
และเป็นความจำเป็นที่จะต้องประเมินรายวิชาอื่นไปอีกในลักษณะของผลกระทบที่มีต่อองค์ประกอบย่อย
จุดด้อยที่สองของแบบจำลองนี้อาจจะเป็น การใช้เวลาที่มากในการวิเคราะห์สถานการณ์อย่างมีประสิทธิภาพ
เพื่อที่จะประเมินสถานการณ์ให้ดี ผู้พัฒนาหลักสูตรต้องใช้เทคนิคเป็นอย่างมากในการล้วงลึกข้อมูลเกี่ยวกับการเรียนรู้
สิ่งเหล่านี้ต้องใช้เวลามาก และบ่อยครั้งที่ครูชอบมากกว่าที่จะอาศัยประสบการณ์ของตนเอง
อ้างอิง
พิจิตรา ธงพานิช. การพัฒนาหลักสูตร. พิมพ์ครั้งที่ 5 นครปฐม : โรงพิมพ์มหาวิทยาลัยศิลปากร วิทยาเขตพระราชวังสนามจันทร์, 2556.

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น